top of page

Tesla Motors รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสุดล้ำ



ในปัจจุบันไม่มีใครไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ฮิตเป็นกระแสเรียกติดปากกันว่าเทสล่าๆ ตอนนี้รถยนต์ไฟฟ้าเริ่มมีบทบาทมากขึ้นทั่วโลกในปัจจุบันเพราะว่าน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นทรัพยากรที่สิ้นเปลืองและอาจมีวันหมดได้ในอนาคต ทำให้ค่ายรถยนต์ต่างๆ เริ่มหันมาคิดพัฒนารถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแทนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในสมัยนี้อัญชันว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก “เทสล่า มอเตอร์ส” (Tesla Motors) แต่ไม่เป็นไรถ้าใครไม่รู้จักอัญชันจะพาไปทำความรู้จักกับผู้ก่อตั้งและตัวรถยนต์ไฟฟ้าเทสล่าไปพร้อมๆ กันเลยจ้า


“เทสล่า มอเตอร์ส” (Tesla Motors) คืออะไร? เทสล่ามอเตอร์เป็นบริษัทของสหรัฐอเมริกาที่ออกแบบ ผลิตและจำหน่ายรถพลังงานไฟฟ้า เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอันดับ 8 ของโลกที่โด่งดังและรู้จักกันไปทั่วโลกโดยภายใต้การดูแลของอีลอน มัสก์ (Elon Musk) นักธุรกิจและนักลงทุนชาวอเมริกัน-แอฟริกาใต้ ทั้งยังเป็นวิศวกรและนักประดิษฐ์ เป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของบริษัทสเปซเอ็กซ์ และยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ผู้บริหารและสถาปนิกผลิตภัณฑ์ของเทสลามอเตอร์ส คุ้นๆ ชื่อผู้ก่อตั้งท่านนี้กันไหมเอ่ย? เพราะผู้ก่อตั้งของเทสล่าท่านนี้เคยให้การช่วยเหลือเหตุการณ์ 13 หมูป่าติดถ้ำหลวงนางนอน ออกทุนบินมาเมืองไทยด้วยตัวเองพร้อมกับยานดำน้ำสุดไฮเทคนำตรงมาช่วยเหลือเหตุการณ์ 13 หมูป่าที่ติดที่ติดถ้ำจนเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโซเชียลในระยะหนึ่ง และที่ผ่านมานี้เขาถูกจัดอันดับให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกด้วยทรัพย์สินทั้งสิ้น 185 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นทั้งอัจฉริยะ ใจบุญแถมรวยมากกกก อัญชัน ปลื๊ม ปลิ้มมม!!


รถยนต์ Tesla เกิดขึ้นได้เพราะแนวคิดของ Nikola Tesla (นิโคลา เทสลา) นักประดิษฐ์ผู้พัฒนาระบบไฟฟ้ากระแสสลับ จึงเกิดแรงบันดาลใจให้กับ Elon Musk (อีลอน มัสก์) ผู้สนใจด้านเทคโนโลยีล้ำโลกทำให้เขาได้ก่อตั้งบริษัท “เทสล่า มอเตอร์ส” (Tesla Motors) ให้เกียรติแก่ Nikola Tesla (นิโคลา เทสลา) ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เค้าได้ผลิตเกี่ยวกับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนแทนการใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิง โดยรูปลักษณ์ของเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจะมีขนาดเล็กกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน ทำให้เหลือพื้นที่สำหรับเล่นกับการดีไซน์รูปร่างหน้าตาของรถอย่างเต็มที่


ถึงแม้รถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นสิ่งที่คนทั่วโลกแตกตื่นและอยากจับต้องเป็นเจ้าของไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย แต่ก็ยังมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้มันยังไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้านเรา ณ ตอนนี้ เพราะอะไรมาดูเหตุผลหลักๆ กันเล้ยยยย!

1.ราคาสูงเปรียบเสมือนกับเป็นของเล่นคนรวยในไทย


จริงอยู่ที่ไฟฟ้าไม่ต้องใช้น้ำมัน แต่ราคาของตัวรถไฟฟ้าเองก็ไม่เบา เช่น Tesla Model 3 รุ่นที่ได้รับความนิยมของ มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ราวๆ 2,990,000 บาท ถึง 9,000,000 บาท ไม่รวมอ็อพชั่นเสริมและเรายังไม่ได้พูดถึงภาษีสรรพสามิตและภาษีนำเข้า ที่ส่งผลให้ราคาพุ่งสูงกว่านี้ด้วยนะคะ อูยยยยยยยย แพงหูฉี่


2.สถานีการชาร์จไฟฟ้าในไทยหายากและยังไม่แพร่หลาย

ตอนนี้สถานีชาร์จไฟยังคงมีเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครเป็นหลักค่ะ แถมยังจำกัดอยู่เฉพาะห้างสรรพสินค้าหรืออาคารพาณิชย์ใหญ่ๆ เท่านั้น เนื่องจากเป็นรถไฟฟ้าที่ยังมีในไทยไม่มาก จึงทำให้สถานีการชาร์จไฟฟ้านั้นน้อยไปด้วย ซึ่งทำให้รถยนต์ไฟฟ้านั้นไม่สามารถใช้เดินทางไกลได้เลย และการสร้างสถานีชาร์จนั้นใช้งบประมาณสูงมาก

3.ใช้เวลาการชาร์จนาน


รถยนต์ไฟฟ้ามีระยะทางวิ่งจำกัดต่อการชาร์จแต่ละครั้ง ยิ่งขับเร็วมาก แบตเตอรี่ยิ่งหมดเร็ว ยิ่งเร่งแอร์เย็นมาก แบตเตอรี่ก็ยิ่งหมดเร็วเช่นกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็คือแบตเตอรี่อย่างแน่นอน เพราะถ้าไมมีแบตเตอรี่รถก็ไม่สามารถทำการขับเคลื่อนได้ มันไม่สะดวก เหมือนเติมน้ำมันหรือแก๊สใช้เวลาชาร์จนานหลายชั่วโมง รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะมีแบตเตอรี่มีประจุไฟมากกว่ารถไฮบริดทั่วไปหลายเท่าแต่เวลาการชาร์จนั้นนานไปด้วย การชาร์จ 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่น บางคันใช้เวลาชาร์จประมาณ 4 ชั่วโมง แต่วิ่งได้แค่ 30 กิโลเมตร บางคันใช้เวลาชาร์จ 8 ชั่วโมง แต่สามารถวิ่งได้ไกลถึง 480 กม.ต่างจากการเติมน้ำมันใช้เวลาแค่นิดเดียว


4.ระยะทางวิ่งจำกัด


ถึงแม้เทสล่าจะเปิดตัว Tesla Model 3 คอมแพคท์คาร์พลังงานไฟฟ้ารุ่นประหยัด เวอร์ชั่นอัพเกรดแล้ว มีการปรับปรุงภาพลักษณ์เล็กน้อย พร้อมเพิ่มสมรรถนะโดยรวมของตัวรถและเพิ่มระยะทางการวิ่งขึ้นมา แค่ 20 – 50 กม. ต่อการชาร์จ จากเติม 354 กิโลเมตร แต่ก็ยังจำกันระยะทางในการวิ่งอยู่ดี ยกตัวอย่างรุ่นที่สามารถวิ่งได้ในระยะทางที่สูงกว่าอย่าง Tesla Model S รุ่นย่อย Long Range Plus เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน EPA ของสหรัฐอเมริกาแล้วว่าวิ่งได้ระยะทางเกิน 400 ไมล์ หรือราว 643 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้งเท่านั้นเอง ไปไหนไกลๆ เลยไม่ได้ซินะ อดขึ้นเหนือล่องใต้เลย อัญชัญเสียใจ

5.Tesla ติดอันดับรถยนต์ที่มีปัญหามากที่สุด

สำหรับปัญหาที่พบในรถยนต์ของ Tesla นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของหน้าจอแบบสัมผัสที่ไม่สามารถใช้งานได้ตรงตามที่แตะสัมผัสหน้าจอ และเรื่องของความไม่สมบูรณ์ของชุดแบตเตอรี่ในรุ่น Model S รวมไปถึงคุณภาพในการประกอบ เช่น เสียงดังจากบริเวณคอนโซลภายในรถ, พื้นผิวสัมผัสบริเวณตัวถังภายนอก, เสียงลมที่เล็ดลอดเข้ามาในรถ และ การทำสีที่ยังไม่ได้คุณภาพ ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นผลพวงมาจากการมุ่งเน้นไปที่ผลสำเร็จทางด้านปริมาณมากกว่าด้านคุณภาพ อันเป็นวิสัยทัศน์และความทะเยอทะยานของ อีลอนมักส์ (Elon Musk) จนเคยเกิดการปั่นตัวเลขกำลังการผลิต Tesla Model 3 ว่าสูงถึง 6,000 คันต่อสัปดาห์อีกด้วย

รถเทสล่าถึงแม้ว่าจะจัดอยู่ในหมวดว่าเป็นรถที่ทุกคนใฝ่ฝันอยากจะครอบครอง แต่ว่าทุกๆอย่างในโลกไม่มีอะไร Perfect ต้องมีจุดด้อยกันบ้าง แต่เหตุผลข้างบนทั้ง 5 ข้อด้านบนก็ต้องทำให้กลุ่มคนใฝ่ฝันก็ต้องถอดหายใจดัง “เฮ้อ” เพราะว่าปัจจัยปัญหาหลายๆ อย่างทั้งราคา สถานีชาร์จ การคุ้มค่า จำกัดระยะทางการวิ่ง แต่คุณภาพของตัวรถที่ทั้งตอนนี้เรายังไม่มีศูนย์ครอบคลุมทั้งหมดในประเทศไทย แต่ข้อดีก็มีมากมาย อันนี้ก็ต้องอยู่ที่การตัดสินใจของผู้บริโภคทั้งหลายที่อยากเลือกแบบไหนให้กับตัวเอง แต่สิ่งที่ดีที่สุดก็คือไม่ว่าจะขับรถแบบไหน รุ่นใด แพงแค่ไหนก็ต้องขับอย่างปลอดภัยไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นรถประเภทใดอยากอุ่นใจเพิ่มไว้ก่อนโดยใช้ประกันของเราค่ะ

วางแผนให้รอบครอบโดยการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จากทิพยประกันภัย ” ให้คุณขับขี่อุ่นใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะให้ความคุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุ สูงสุดถึง 50% สามารถติดต่อ Purple INS ของเราได้เลยค่ะ เรามีหลายแพคเกจในราคาสบายกระเป๋าท่านสามารถเลือกได้ตามความต้องการ หรือจะทักมาสอบถามเราก่อนได้ค่ะ

ปรึกษาได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย Purple INS ยินดีให้บริการค่ะ

แอดไลน์ @purpleins (มี @ ด้วยนะคะ)

โทร 061-725-9222


449 views0 comments
bottom of page