top of page

เคลมประกันทุกปี เบี้ยขึ้นก็เปลี่ยนบริษัทประกัน ทำแบบนี้คุ้มจริงไหม?


จริงๆแล้วใครๆก็อยากได้ของดีราคาถูก ยิ่งถ้าประกันที่เราใช้อยู่เคลมดี เคลมดี เคลมเร็ว คุยง่าย เราก็ไม่อยากเปลี่ยน เพราะว่าเสียเวลา ต้องเทียบราคา และยังต้องตรวจสภาพรถใหม่ด้วย แต่พอมีเคลม บริษัทประกันก็ขึ้นราคาเราซะแพง จะไม่เปลี่ยนประกันก็ไม่ไหว ก็เลยต้องเปลี่ยนบริษัทประกันไปเรื่อยๆ เรียกได้ว่า ถ้าเพื่อนๆมาถามว่าบริษัทประกันไหน เคลมดี เคลมไว ก็ตอบได้หมด เพราะว่าใช้บริการหมดทุกบริษัทแล้ว 555 จริงๆแล้วในแง่หนึ่งก็ต้องบอกว่าคุ้ม เพราะว่ายังไงเสียค่าประกันก็ถูกกว่า เสียค่าซ่อมรถเองอยู่แล้ว แต่ในอีกแง่หนึ่งก็คงต้องตอบว่า ก็ไม่ได้คุ้มซะทีเดียว เพราะว่าค่าเบี้ยประกันที่เราจ่ายให้บริษัทประกันแต่ละปีนั้น จะถูกกำหนดด้วยการคำนวนราคาจากนักคณิตศาสตร์ประกันภัย และปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันอย่างมากก็คือ “ส่วนลดประวัติดี” เจ้าส่วนลดประวัติดีตัวนี้ เราจะได้รับเมื่อในปีนั้นๆเราไม่ได้แจ้งเคลมประกันเลย ดังนั้นถ้าเราเปลี่ยนบริษัทประกัน บริษัทประกันที่เรากำลังจะไปทำประกันใหม่ด้วยนั้น เขาจะไม่สามารถรู้ได้ว่า เรามีพฤติกรรมการขับขี่ หรือพฤติกรรมการเคลมเป็นอย่างไร ดังนั้นเขาจึงจะไม่ได้มอบส่วนลดประวัติดีให้เรา (ถึงแม้ว่าตอนต่อประกันจะแจ้งให้เขาทราบว่ามีเคลม หรือไม่มี เขาก็ช่วยอะไรเราไม่ได้อยู่ดี T T เพราะบริษัทประกันแต่ละที่จะไม่ได้แชร์ข้อมูลเรื่องการเคลมของลูกค้าให้แก่กัน ดังนั้นเขาจะคำนวนราคาจากข้อมูลที่เขามีอยู่ในบริษัทของตนเองเท่านั้น) พอรู้แบบนี้แล้วเนี่ย ลองมานึกดูดีๆ เราจะค้นพบว่า ทุกครั้งที่เปลี่ยนบริษัทประกัน เราต้องเสียเวลาเปรียบเทียบราคา เช็คเบี้ยกับหลายที่มากๆ เพราะต้องการประกันที่ถูกที่สุด แถมต้องมานั่งเสียเวลาทำเอกสารใหม่ ซึ่งบ้างครั้งค่าประกันที่บริษัทใหม่เสนอมาให้ ก็ไม่ได้ถูกกว่าประกันที่เราใช้อยู่สักเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วก็ต้องทำให้จ่ายค่าประกันแพงๆทุกปีอยู่ดี หรือถ้าหาบริษัทประกันใหม่ได้ราคาโอเค แต่พอเคลมเท่านั้นแหละ โอ้โห ค่าประกันเพิ่มขึ้นมามากมาย ชีวิตเลยต้องวนลูป แจ้งเคลมประกันแบบจัดเต็มเอาให้คุ้ม จากนั้นค่อยไปหาบริษัทประกันใหม่ แต่เพื่อนที่ทำประกันพร้อมกันกับเรา รถแบบเดียวกัน ปีเดียวกัน ทำประกันทีเดียวกันอีกต่างหาก แต่ว่าไม่ค่อยเคลม ค่าประกันถูกลงๆๆ บางทีเห็นราคาประกันของเพื่อนแล้วถึงกับต้องร้องโอ้โหเลยทีเดียว ประกันชั้น 1 อะไรนี่ ถูกมาก บางทีราคาไม่ถึงหมื่นก็มี เหตุผลก็เพราะส่วนลดประวัติดีนั้น มีความสำคัญกับราคาประกันเป็นอย่างมาก เพราะเกี่ยวเนื่องกับกำไรของบริษัทประกันค่ะ อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายๆคนก็คงจะมีคำถามว่า เอ้า ถ้าทำประกัน แล้วไม่เคลมเลยจะทำไปทำไม ดูแล้วไม่เห็นหนทางเลย ยังไงก็ต้องยอมเหนื่อย เช็คเบี้ยกับบริษัทประกันต่างๆไปเรื่อยๆอยู่ดี จริงๆแล้วถ้าเรารู้เทคนิคในการเคลม และเข้าใจกายภาพของรถที่เรารักสักหน่อย เราจะประหยัดเงินค่าประกันในแต่ละปีไปได้หลายบาทเลยทีเดียว การขี้นราคาค่าเบี้ยประกัน แน่นอนว่าทางบริษัทประกันจะพิจารณาจากการเคลม ใครแจ้งเคลม ก็จะเพิ่มเบี้ย แต่ความจริงแล้วมีรายละเอียดมากกว่านั้น เพราะว่าบริษัทประกันจะพิจารณาจากสาเหตุการเคลมด้วย ถ้าเป็นอุบัติเหตุที่สุดวิสัยจริงๆ (Pure risk) บริษัทประกันมักจะไม่ขึ้นเบี้ยประกันเรามากนัก แต่ถ้าการเคลมที่เกิดขึ้นเป็นการเคลมเก็บรอยเล็กๆน้อยๆ เพื่อความสวยงาม (Cosmetic claim) เฉี่ยวนิดนึงก็แจ้งเคลม หรือในหนึ่งปี แจ้งเคลมมากกว่า 2 ครั้ง แบบนี้บริษัทประกันจะมองว่าเรามีพฤติกรรมการขับรถที่มีความเสี่ยงสูง ส่งผลทำให้บริษัทประกันปรับค่าเบี้ยประกันของเราให้สูงขึ้นมากในปีต่ออายุนั่นเองค่ะ บทความหน้าเราจะมาแนะนำ วิธีการแจ้งเคลมประกันเพื่อไม่ให้ค่าเบี้ยประกันในปีต่ออายุเพิ่มสูงขึ้นจนเกินไปมาฝากกันค่ะ ติดตามได้ทาง Facebook: PurpleINS หรือ LINE Official: @purpleins กันได้เลยค่าา


241 views0 comments