วิธีตรวจเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทาง
สวัสดีค่า ช่วงนี้สถานการณ์โรคระบาด Covid -19 ยังคงแพร่อย่างกว้างขวาง ทำให้แต่ละท่านอาจจะลดการเดินทางลงเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ แต่ท่านใดที่ยังมีการใช้รถเดินทางอยู่ น้องอัญชันอยากจะมาแนะนำขั้นตอนการเช็คสภาพรถก่อนการใช้งานในแต่ละครั้ง เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ของตัวเราเอง และผู้อื่นบนท้องถนนค่ะ

เช็คระบบเบรค และยางรถยนต์
ระบบเบรค ต้องตรวจสอบว่าน้ำมันเบรคอยู่ในระดับปกติหรือไม่ เช็คได้จากระดับขีดบอกตำแหน่ง จะต้องอยู่ในระดับพอดีไม่สูง หรือต่ำเกินไป ตรวจสอบว่าไม่มีการรั่วซึม ในส่วนของยางรถยนต์ ตรวจดูการรั่วซึมและดอกยางว่าสึกหรอมากน้อยเพียงใด ยางจะต้องไม่อ่อนหรือแข็งเกินไป สามารถไปเช็คลมยางได้ที่ศูนย์บริการยางทั่วไปค่ะ
เช็คแบตเตอรี่
แบตเตอรี่ ภายนอกไม่มีสนิมหรือฝุ่นจับมากเกินไป ตรวจสอบดูที่ขั้วบวกแบตต้องมีฉนวนหุ้มเรียบร้อย เพื่อป้องกันไฟไหม้ ถ้าใช้แบตเตอรี่เป็นแบบเติมน้ำกลั่นก็ต้องเติม 1 - 2 เดือนต่อครั้งในระดับที่พอดี แบตเตอรี่แบบเปียก ต้องหมั่นเติมน้ำกลั่นบ่อยๆ ส่วนแบบกึ่งแห้ง น้ำกลั่นจะระเหยช้า อาจจะเติมประมาณ 6 เดือนต่อครั้ง และแบบแห้ง ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น จะได้ไม่มีปัญหารถดับกลางถนนนะคะ
เช็คที่ปัดน้ำฝนและน้ำฉีดล้างกระจก
ตรวจดูสภาพยางปัดน้ำฝนว่าสถาพยังอยู่ดีหรือไม่ เนื่องจากถ้าเป็นรถที่จอดตากแดดนานๆ อาจจะมีการเสื่อมของยางปัดน้ำฝน ต้องคอยเช็คนะคะ และต้องเช็คระดับน้ำที่ใช้ฉีดล้างกระจก ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณฝากระโปรงหน้า ต้องเติมให้เต็มเข้าไว้นะคะ เมื่อจำเป็นต้องใช้ จะได้ลำบากค่ะ
เช็คไฟหน้า ไฟท้าย และไฟตัดหมอก
เช็คไฟสัญญาณเบื้องต้นด้วยการลองเปิด-ปิดให้ครบทุกอันดูค่ะ แล้วดูว่าไฟสามารถทำงานได้ตามปกติหรือไม่ ส่วนไฟส่องสว่าง ทั้งไฟสูง ไฟต่ำ และไฟตัดหมอก อยู่ในระดับที่ปกติหรือสูงต่ำเกินไปหรือเปล่า ถ้าไฟตรงจุดไหนไม่ติดก็ต้องรีบเปลี่ยน ระบบไฟต่างๆมีความสำคัญกับการขับขี่บนท้องถนนมากเลยนะคะ
เช็คน้ำมันเครื่อง
สิ่งสำคัญของรถยนต์นอกเหนือจากน้ำมันก็คือ ‘น้ำมันเครื่อง’ค่ะ หากขาดน้ำมันเครื่องไปสิ่งที่ตามมาก็คือปัญหาเครื่องยนต์ถึงขั้นพังได้เลยนะคะ เพราะเครื่องยนต์จะขาดน้ำมันเครื่องไปหล่อลื่นลดแรงเสียดทานในเครื่องยนต์ปัญหาต่างๆ ทั้งลูกสูบติด ฝาสูบโก่ง เครื่องความร้อนขึ้น ชาร์ปละลาย (แผ่นปะกับที่รองระหว่างข้อเหวี่ยงกับก้านสูบ) ทุกปัญหาเกิดจากการขาดน้ำมันเครื่องค่ะ การตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องทำได้ไม่ยาก แค่เปิดกระโปรงรถเปิดมองหาตำแหน่งจุดตรวจสอบน้ำมันเครื่อง จะมีก้านพลาสติกให้ตรวจสอบ ดึงออกมาแล้วดูว่าจุดของน้ำมันเครื่องอยู่ในตำแหน่ง L หรือ Low หรือไม่ ถ้าถึงแล้วต้องรีบเติมด่วนเลยนะคะ อย่ารอช้าไปกว่านี้เลยนะ เพื่อสภาพเครื่องยนต์ที่ดีของรถยนต์ค่ะ
เช็คระบบหล่อเย็น
อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องตรวจสอบมากที่สุดไม่แพ้เรื่องอื่นก็คือระบบหล่อเย็นในรถที่อยู่ในเครื่องยนต์ เราควรตรวจสอบการทำงานของระบบหล่อเย็นเสมอทุกครั้งก่อนใช้งานรถยนต์ ตรวจเช็คดูว่าในระบบหล่อเย็นยังทำงานดีอยู่ไหม หรือน้ำในหม้อน้ำยังมีน้ำอยู่หรือเปล่า ถ้าเกิดเห็นหม้อน้ำมีปริมาณน้ำลดลงมากกว่าปกติ เราต้องเติมนะคะ สามารถเติมน้ำประปาได้ค่ะ ยกเวินน้ำบาดาลนะ เพราะจะทำให้เกิดตะกอนได้ค่ะ คุณต้องตรวจสอบก่อนเดินทางทุกครั้ง อย่าปล่อยให้เครื่องยนต์ร้อนเป็นอันขาดนะคะ
เช็คผ้าเบรค
เบรคคืออีกส่วนที่สำคัญที่สุดของรถยนต์ เมื่อมีเบรคก็ต้องมีผ้าเบรก ผ้าเบรคจะมีอยู่ในจานเบรคทั้ง 4 ล้อ เราต้องหมั่นเช็คปริมาณผ้าเบรคว่าถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนหรือยัง ไม่เช่นนั้นจะทำให้จานเบรคสึกได้ ซึ่งจานเบรคสึกเมื่อเจอกับผ้าเบรคจะทำให้รถเกิดเสียงหอนเพื่อเตือน แถมยังทำให้เบรคไม่อยู่ด้วยนะคะ
เช็คของเหลวอื่นๆ
ในรถยังมีของเหลวอื่นๆ ที่สำคัญนอกจากน้ำมันเครื่อง และน้ำหล่อเย็น ได้แก่น้ำมันเบรค, น้ำมันครัช, น้ำมันเกียร์ หรือน้ำมันพาวเวอร์ (มีผลในการควบคุมพวงมาลัย) เปิดใต้กระโปรงรถจะเห็นกระปุกน้ำมันต่างๆ ตั้งอยู่ ส่วนน้ำยาแอร์ แม้จะไม่มีผลต่อการขับขี่ แต่ก็มีผลต่อความเย็นของแอร์ในรถยนต์ ยิ่งประเทศไทยไปที่ไหนๆก็อากาศร้อนมากมาย ฉะนั้นแอร์มีความสำคัญมากนะคะ
เมื่อเราใส่ใจตรวจเช็คสภาพรถก่อนการเดินทางแล้ว อย่าลืมที่จะตรวจสอบประกันด้วยนะคะ ว่าประกัน